“เสือ” (4 Tigers) ภาพยนตร์ Spin-off จากจักรวาล “ขุนพันธ์” ไตรภาค ที่เราจะมารีวิวความมันจัดเต็มทั้งแอกชัน ดรามา และความบันเทิง จนเราอยากจะบอกว่าหนังเรื่องนี้ว่า เป็นภาพยนตร์ไทยที่บันเทิงเริงใจผู้ชมมากที่สุดของ พ.ศ. 2568 เลยก็ว่าได้ เพราะฉะนั้นเราไม่อยากให้คุณพลาดด้วยประการทั้งปวง!
เรื่องย่อ เสือ
ภาพยนตร์เล่าถึงวีรกรรมของเหล่าจอมโจรในตำนาน ได้แก่ เสือฝ้าย, เสือมเหศวร, เสือใบ และ เสือดำ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นช่วงที่ความวุ่นวายและอำนาจมืดปกคลุมประเทศ โดยในเรื่องนี้ มีการกล่าวถึงทองคำจำนวนมหาศาลที่ฝ่ายอักษะมอบไว้ให้รัฐบาลไทยเพื่อสร้างทางรถไฟ แต่ทองคำดังกล่าวกลับถูกปล้นหายไป ทำให้ จอมพลเลิศ ผู้มีอำนาจล้นมือ ประกาศกวาดล้างชุมโจร และตั้งค่าหัวล่า “เสือ” ทั่วประเทศเพื่อหาคนมารับผิดชอบ พร้อมกับใช้อำนาจสกปรกเข้าเจรจากับ เสือฝ้าย เสือที่แกร่งที่สุดในภาคกลาง
สิ่งที่เราชอบใน เสือ
สิ่งแรกที่เราอยากจะพูดเกี่ยวกับหนังเรื่อง “เสือ” คือ “โคตรบันเทิง” และ “ขี้โม้สุด ๆ” โดยภาพยนตร์เรื่อง “เสือ” คือหนังในจักรวาลเดียวกับ “ขุนพันธ์” ไตรภาค ที่เล่าถึงปฐมบทของตัวละคร 4 เสือแห่งภาคกลางและเป็นโจรในตำนานอย่าง เสือฝ้าย, เสือมเหศวร, เสือใบ และ เสือดำ ในช่วงเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ประเทศในช่วงเวลานั้นต้องรับมือฝ่ายอักษะในเวลานั้นอย่างญี่ปุ่น ที่พูดถึงการมอบทองจำนวนมหาศาลให้รัฐบาลไทยสร้างทางรถไฟสายมรณะนั้นเอง แต่ทองดันอันตรธานหายไปเสียอย่างนั้น
ความมันกำลังรอคุณอยู่จากเนื้อหาที่โปรยมาคร่าว ๆ ซึ่ง “เสือ” นับเป็นผลงานที่ผู้กำกับ พี่โขม “ก้องเกียรติ โขมศิริ” ได้เขย่าไอเดียจาก ” “ขุนพันธ์” ทั้ง 3 ภาคจนลงตัวอย่างเห็นได้ชัดเจน ที่ยกระดับฉากน่าแอกชันที่น่าจดจำและความแฟนตาซีที่ไล่ระดับไปเรื่อย ๆ จนมาเรื่องเสือ ที่บอกได้ว่าไปไกลจนเว้อ ๆ ไปเลย แต่บอกได้คำเดียว “โคตรมันส์” แถมมีมุกตลกแบบตลกแบบตลกจนไม่น่าเชื่อว่าจะมาทางนี้เลยหรือพี่!! เหมือนงานเก่า ๆ ของผู้กำกับอย่าง “ขุนแผน ฟ้าฟื้น” (พ.ศ. 2562) ที่จะมาเวย์ตลกแต่เหมือนยังไม่กลมกล่อมเสียทีเดียว เรียกได้ว่า “เสือ” ถ้าจะอวยว่าเป็นงานที่เข้ามือของพี่โขมที่สุดเลยก็ว่าได้ ก็พูดได้เต็มปากเลย
4 ตัวละครเสือนั้นที่มาจากหนังไตรภาค “ขุนพันธ์” ก็มากันครบถ้วน ไม่ว่าจะทั้ง มาริโอ้ เมาเร่อ รับบท เสือมเหศวร, เป้ – อารักษ์ อมรศุภศิริ รับบท เสือใบ, โตโน่ – ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ รับบท เสือดำ แต่บท เสือฝ้าย มีการเปลี่ยนนักแสดงเป็น เวียร์ – ศุกลวัฒน์ คณารศ จากที่บทนี้เคยเป็นของ “พลโท วันชนะ สวัสดี” หรือ “เสธ.เบิร์ด” ที่เป็นตัวละครสำคัญในภาค 2 นั้นเอง ซึ่งเราอยากให้คุณลืมภาพจำอะไรบางอย่างของหนังชุดก่อนหน้านั้น เพราะตัวละครจะมีบุคลิกไม่เหมือนกันเสียทีเดียว จนบางครั้ง เราอาจจะอยากแนะนำว่าคุณว่า ไม่ต้อง ดู 3 ภาคก่อนหน้านั้น อาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ เพราะไม่ต้องมีภาพจำของพวกเขาเลยดีกว่า รวมถึงตัวละครใหม่ที่เด่นมาก ๆ อย่าง หลิน – มชณต สุวรรณมาศ ในบท รสริน และ ท็อป – ทศพล หมายสุข ในบท หลวงประสาน ที่กลายเป็นตัวร้ายหลักในเรื่องนี้
จุดเด่นที่สำคัญของหนังเรื่องนี้การออกแบบฉากแอกชันที่มีการผสมผสานปืนผาหน้าไม้และการต่อสู้แบบแบบระยะประชิด รวมถึงความแฟนตาซีเว้อ ๆ จัดเต็ม ทำได้ออกมาแบบสนุกทั้งบันเทิง ซึ่งพลังของตัวละครมีแบบให้เห็นเด่น ๆ แต่ละตัวชัดเจน ไม่ปล่อยพลังสุ่มสี่สุ่มห้า ทำให้เราได้เห็นความเท่อีกแบบ นี่หลายคนคงจะท่องคาถา “วา โธ โน อะ มะ มะ วา” ของเสือฝ้ายแบบติดปากเสียด้วยซ้ำ พลังกระทืบแล้วทรงพลังสุด ๆ ซึ่งถ้าเทียบตอน เสธ.เบิร์ด เล่นใน ขุนพันธ์ 2 ที่ท่องคาถานี่แค่แว่นแตก แต่ในเสือทำคนกระเด็นไปคนละทิศละทางเลยก็ว่าได้

อีกทั้งเราจะซีนมัน ๆ เยอะแยะมากมาย ไม่ว่าจะซีนที่เสือใบปะทะเสือมเหศวร ในช่วงแรก ก็รู้เลยว่าหนังเรื่องนี้บันเทิง แอกชันเดือด และมีความตลกแน่นอน ยิ่งกระสุนคดของ “เสือใบ” ดูยกระดับความโค้งเข้าหาศัตรูมากเข้าไปอีก (ให้นึกภาพแบบหนัง Wanted) ก็ท่อง “นะ โม พุท ธา ยะ” กันสนุกทั้งเรื่อง ส่วนเสือมเหศวร ที่ได้หน้าหล่อ ๆ ของคุณ มาริโอ กับคาถาลิงลมและการแขวนพระเครื่องมเหศวรไว้ที่คอแล้วอมไว้ในปากก็ทำให้แคล้วคลาดปัดป้องกระสุน แบบเท่ ๆ อีกทั้งภาคนี้เขายังเป็นนักประดิษฐ์ เป็นสายลับสองหน้าอย่างกับหนัง 007 ให้ความรู้สึกเหมือนดูหนังสืบสวนสอบสวนในบางช่วงเวลา แถมเบื้องลึกเบื้องหลังของตัวละครนี่ไม่รู้อันไหนจริงปลอมสับขาพวกเราตั้งแต่ขุนพันธ์ 3 ยังไม่นับฉาก Long Take อย่างกับหนัง Gangster อีก เอาเป็นบางฉากเราอยากให้คุณได้สัมผัสด้วยตัวเองจริง ๆ
แต่คนที่เราต้องประหลาดใจสุด ๆ และเชื่อว่าคนที่เคยดูหนังชุดขุนพันธ์แล้วก็อาจจะงงเล็กน้อยว่ามันคนเดียวกันใช่ไหม สำหรับบท “เสือดำ” ของคุณโตโน่ – ภาคิน ที่ในหนังภาค 3 ที่เป็นคนเคียดแค้นตัวขุนพันธ์ แค้นระบบ แค้นตำรวจ และทุกอย่างที่เป็นระบบยุติธรรมของรัฐ ทำให้ชีวิตต้องกลายเป็นคนโหด ไม่ต้องฟัง อยากทำไรทำ ซึ่งใน “เสือ” ทำให้บท “เสือดำ” กลายตัวละครที่โดดเด่นที่สุดและกลายเป็นตัวละครที่น่าจดจำไปจนถึงท้ายเรื่องที่เราอยากให้คุณได้ดูเอง โดยในหนังก็เล่าถึงเบื้องหลังของ เสือดำ ที่มีอาชีพชกมวย แล้วก็ถูกเก็บมาเลี้ยงโดย 4 ผู้เฒ่า มีคาถาอาคมเสกฝุ่นสลายอาวุธ ทำลายอาคมศัตรูให้เสื่อมถอย พร้อมร่ายคาถา “สังขาตัง โลกะวิทู สารพัดศัตรู วินาศสันตุ” พร้อมธนูมือและหมัดลุ่น ๆ (จริง ๆ ก็มือปืนแต่ไม่ค่อยได้ใช้) อีกทั้งยังมีฉากตลกโปกฮา จากตัวละครนี้มาเรื่อย ๆ อย่างฉากที่ เสือดำอยู่กับรสริน ทำผมหลุดขำ
นอกจากแอกชันแล้วและตัวละครที่ดาหน้าเข้ามาแล้ว บทดรามาก็ทำได้ดีไม่แพ้กันไม่ว่าจะเบื้องหลังของเสือฝ้ายที่ต้องรับเด็กมารับเลี้ยง และการผสานเอาการเมืองเข้ามาเพื่อให้เนื้อหาเข้มข้นมากขึ้น ซึ่งนักแสดงที่ รับบท จอมพลเลิศ อย่าง “คุณต้อม – พลวัฒน์ มนูประเสริฐ” ที่ทำออกมาได้ดี ดูเลยว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่เบื้องหลังเหี้ยมสุด ๆ และตัวละครของ หลิน – มชณต อย่าง รสริน ที่เป็นเหมือนคนคอยดำเนินเรื่องอิเวนต์ต่าง ๆ ให้เกิดสิ่งต่าง ๆ ในหนังเรื่องนี้ แถมยังมีเบื้องหลังที่น่าสนใจ ไม่น้อยกับตัวละครผู้หญิงตัวนี้ อีกทั้งที่ไม่พูดไม่ได้คือ คุณท็อป – ทศพล ในบท “หลวงประสาน” ที่ตัวอย่างแทบไม่ได้ให้เราเห็นอะไรมาก แต่พลังของตัวละครนี้ มันเว้อวัง แถมดูจะโกงเสียด้วยซ้ำ จึงเป็นที่มาของช่วงท้าย ๆ ของที่บอกได้คำเดียวว่าเราอยากให้คุณดูเอง เพราะเล่นใหญ่ใส่เต็ม ระเบิดภูเขาเผากระท่อมแบบสุด ๆ แถมแฟนตาซีล้นแน่นอน
ใครอยากหาความบันเทิงแบบโคตรมันจัดเต็ม ทั้งแอกชัน แฟนตาซี ดรามา และเลือดสาด ไปดูภาพยนตร์ “เสือ” กันได้ทุกโรงภาพยนตร์ ซึ่งบอกได้คำเดียวคุ้มค่าเงินคุณแน่นอน
ขอบคุณแห่งที่มาจาก lifestyleasia

