ลิสต์หนังของ Christopher Nolan ที่แฟนหนังควรตามเก็บ

เมื่อพูดถึงชื่อของ คริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan) คอหนังน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักชื่อเสียงของผู้กำกับคนนี้ เพราะไม่ว่าจะปล่อยหนังใหม่อะไรมา ทั้งสาวกและคนทั่วไปต่างให้ความสนใจในผลงานของเขาทั้งนั้น ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ โนแลน ที่มีการร้อยเรียงเรื่องราวไม่เหมือนใคร ด้วยมุมมองและวิสัยทัศน์ที่ต่างจากคนอื่น แต่ยังสามารถนำเสนอเรื่องราวที่ซับซ้อนออกมาได้อย่างน่าตื่นเต้น แถมยังทิ้งปมปริศนาให้คนดูได้ถกเถียงกันไม่รู้จบ ทำให้เขากลายเป็นผู้กำกับในดวงใจใครหลายคน

เชื่อเถอะว่า คริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan) คือผู้กำกับหนังมือดีอีกคนในยุคนี้เลย และในวันนี้ได้รวบรวมหนังของ คริสโตเฟอร์ โนแลน มาให้ได้ตามไปชมกัน บอกได้เลยว่าหนังแต่ละเรื่องของเขามีความน่าสนใจในแบบของตัวเอง

Christopher Nolan

1. Following (1998)

เรียกว่าเป็นผลงานเปิดตัวของ คริสโตเฟอร์ โนแลน ก็ว่าได้สำหรับ Following ที่เล่าเรื่องราวของ บิล นักเขียนหนุ่ม ที่ต้องการหาแรงบันดาลใจให้กับงานเขียนของตัวเองด้วยการสะกดรอยตามผู้คน เขาไม่ได้ทำเพียงแค่เดินตามเท่านั้น เขาทำเหมือนตัวเองเป็นเงาของคนคนนั้น จนกระทั่งเขาได้ติดตามชายคนหนึ่งที่นำมาสู่เรื่องราวอาชญากรรมที่ทำให้ บิล ถลำลึกเข้าไปในโลกของชายผู้นี้ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรมอีกด้วย

2. Memento : ภาพหลอนซ่อนรอยมรณะ (2001)

ผลงานชิ้นเอกของผู้กำกับชื่อดัง คริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan) เล่าเรื่องราวของ ลีโอนาร์ด เชลบี้ ชายที่ต้องการแก้แค้นและตามหาคนที่ข่มขืนและฆ่าภรรยาของเขา ทว่าโชคไม่เข้าข้าง เพราะเขาดันมีอาการสูญเสียความทรงจำระยะสั้น หลังจากได้รับความกระทบกระเทือนที่ศีรษะ จึงต้องหาทางแก้ไขด้วยการถ่ายรูปและจดบันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ ไว้ รวมถึงสักที่ร่างกายเพื่อป้องกันการลืมด้วย แต่ไฮไลต์เด็ดสุดที่ทำให้หนังเรื่องนี้ได้รับคำชื่นชมอย่างท่วมท้นและเป็นที่พูดถึงกันปากต่อปากก็คือ การเล่าเรื่องราวที่สลับซับซ้อน ไม่เรียงลำดับ เพื่อให้เราเห็นภาพเดียวกับสิ่งที่อยู่ในหัวของตัวละคร และร่วมไขปริศนาไปด้วยกันนั่นเอง

3. Insomnia : เกมเขย่าขั้วอำมหิต (2002)

ยังคงอยู่ที่หนังแนวระทึกขวัญ-จิตวิทยา โดย Insomnia รีเมกมาจากหนังชื่อเดียวกันจากนอร์เวย์ บอกเล่าเรื่องราวคดีฆาตกรรมปริศนาที่สองนักสืบอย่าง วิลล์ ดอร์มเมอร์ และ ฮาป เอ็คฮาร์ต รับหน้าที่ไขปริศนา ทั้งคู่ถูกส่งไปที่เมืองอะแลสกา ดินแดนพระอาทิตย์เที่ยงคืน ส่งผลให้ ดอร์มเมอร์ ต้องรับมือกับโรคนอนไม่หลับ หรือ Insomnia ซึ่งจากอาการนั้นส่งผลให้เขาเห็นภาพหลอนถึงขั้นยิงคู่หูจนตาย แต่เขาเลือกที่จะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ และผู้ที่ล่วงรู้ความลับคือฆาตกรที่ฆ่าเด็กสาว เขาจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้จบเรื่องนี้ลง

4. Batman Begins (2005)

ปฐมบทแบทแมนในฉบับของ คริสโตเฟอร์ โนแลน ที่กอบกู้ศักดิ์ศรีบุรุษชุดดำในตำนานอย่าง แบทแมน โนแลน เลือกที่จะตีความใหม่ให้กับตัวละครด้วยโทนดาร์กกว่าที่เคย นำเสนอเรื่องราวหลังจาก บรูซ เวย์น สูญเสียพ่อแม่จากเหตุฆาตกรรม เขาผลักดันตัวเองเข้าสู่เส้นทางสายฮีโร่ โดยเลือกที่จะฝึกฝนตัวเองเพื่อให้มีความสามารถในการต่อสู้และกลับมายังก็อธแธม เพื่อปราบปรามอาชญากรรมภายใต้ชุดสูทสีดำพร้อมอุปกรณ์ไฮเทคที่สร้างจากพลังเงินของครอบครัว และตัวร้ายหลักของเรื่องนี้ก็คือ หุ่นไล่กา หรือ สแกร์โครว์ ที่เป็นตัวแทนของความกลัวนั่นเอง

5. The Prestige : ศึกมายากลหยุดโลก (2006)

เป็นอีกหนึ่งผลงานอันยอดเยี่ยมของ คริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan) ที่คนอาจไม่ค่อยพูดถึงสักเท่าไหร่ แต่ถ้าได้เปิดใจรับชมแล้ว รับประกันว่าคุณจะคารวะในฝีมือของโนแลนแน่นอน โดยเนื้อเรื่องจะพูดถึงการประชันกันระหว่างสองนักมายากลหนุ่มฝีมือดีแห่งยุค โรเบิร์ต และ อัลเฟรด ซึ่งเนื้อเรื่องจะมีปมปริศนาอยู่หลายจุด ชวนให้ผู้ชมขบคิดตลอดเวลา พอมาถึงนาทีที่ขมวดปมเส้นสุดท้ายเท่านั้นแหละ บอกเลยว่าทึ่งเสียจนอาจต้องเปิดดูอีกรอบเลยทีเดียว

6. The Dark Knight : แบทแมน อัศวินรัตติกาล

จากความสำเร็จของ Batman Begin ส่งผลให้ โนแลน กลับมาปล่อยของไม่ยั้งใน The Dark Knight: แบทแมน อัศวินรัตติกาล กับการชุบชีวิตให้กับตัวละครสุดเจ๋งอย่าง โจ๊กเกอร์ ที่ได้นักแสดงคุณภาพอย่าง ฮีธ เลดเจอร์ มาถ่ายทอดบทบาทได้อย่างสมบูรณ์แบบและเป็นที่จดจำของผู้คน ในภาคนี้ โนแลน เล่าเรื่องราวของฮีโร่ชุดสูทให้มีเนื้อหาที่ซับซ้อน และมีตัวละครที่อยู่เบื้องหลังมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เจมส์ กอร์ดอน, ฮาร์วี่ย์ เดนท์ หรือ โจ๊กเกอร์ โดยเนรมิตฉากทำลายล้างเมืองโดย โจ๊กเกอร์ แบบวินาศสันตะโร สุดท้ายแล้วความเป็นฮีโร่ของแบทแมนก็ถูกตั้งคำถามว่าจำเป็นต่อเมืองก็อธแธมจริงหรือไม่

7. The Dark Knight Rises : แบทแมน อัศวินรัตติกาลผงาด (2012)

คริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan) กลับมาอีกครั้งเพื่อปิดไตรภาค กับเรื่องราวหลัง แบทแมน หายตัวไป 8 ปี จากการถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผู้มีส่วนรับผิดชอบในการตายของ ฮาร์วีย์ เดนท์ แต่ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไปเมื่อมีแมวขโมยเจ้าเล่ห์เผยโฉมพร้อมกับปฏิบัติการลับ และการปรากฏตัวของวายร้ายสวมหน้ากาก เบน ที่มีแผนการป่วนก็อธแธม ซึ่งบีบให้บรูซต้องออกจากการปลีกตัว แต่ถึงแม้เขาจะกลับมาสวมผ้าคลุมและหน้ากากอีกครั้ง กลับดูเหมือนเขาไม่เหมาะกับการเป็นแบทแมนอีกต่อไป เรียกได้ว่าในภาคนี้ โนแลน ขุดเอาทุกอย่างที่มีออกมาใช้ไม่ว่าจะเป็นฉากระเบิดที่ยิ่งใหญ่ตระการตา และสามารถสรุปเรื่องราวทั้งหมดของไตรภาคนี้ได้อย่างดี

8. Interstellar : ทะยานดาวกู้โลก (2014)

หนังไซไฟสุดยิ่งใหญ่อีกหนึ่งเรื่องของ คริสโตเฟอร์ โนแลน ที่ว่าด้วยการเดินทางท่องอวกาศตามหาแหล่งที่อยู่ใหม่ให้กับมวลมนุษยชาติ หลังโลกกำลังเผชิญภาวะวิกฤต พืชผลขาดแคลนอย่างหนัก ประชากรเริ่มประสบภาวะแร้นแค้น ต้องการความช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งจึงตัดสินใจสร้างปฏิบัติการสุดเหลือเชื่อด้วยทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ โดยการเดินทางผ่าน “รูหนอน” ที่สามารถเชื่อมมิติเวลานี้สู่อวกาศอันกว้างไกลเพื่อค้นหาดาวดวงใหม่สำหรับมนุษย์ เรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อนตามสไตล์ของ โนแลน เพราะมีเรื่องของมิติเวลาเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างต้องใช้ความเข้าใจ เรียกง่าย ๆ ว่าวิทยาศาสตร์จ๋านั่นเอง ดังนั้นถ้าใครดูมากกว่า 1 รอบ … เราเป็นเพื่อนกัน

9. Inception : จิตพิฆาตโลก (2010)

หากพูดถึงหนังที่เล่นกับเวลาและตัดสลับซับซ้อนจนทำคนดูงงเป็นไก่ตาแตก เชื่อว่า Inception ของผู้กำกับ คริสโตเฟอร์ โนแลน คงยืนหนึ่ง เพราะเรื่องนี้เป็นการเล่าเรื่องราวคู่ขนานของโลกแห่งความจริง โลกแห่งความฝัน และโลกแห่งความฝันซ้อนฝันอีกที โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับ ดอม คอบบ์ (รับบทโดย ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ) หัวขโมยที่มีความสามารถในการดึงความลับล้ำค่าจากจิตใต้สำนึกของคนในระหว่างสภาวะความฝัน แต่ถึงแม้จะเก่งกาจสักแค่ไหน เขาก็พลาดท่าและสูญเสียทุกอย่างไป ทว่าโลกก็ไม่ได้โหดร้ายเสียทั้งหมด เพราะสุดท้ายแล้วเขาได้รับโอกาสใหม่ ให้ลองทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้สำเร็จ โดยภารกิจที่ว่านั้นก็คือ การเข้าไปปลูกฝังความคิดแทนการขโมยไอเดียนั่นเอง

10. Dunkirk : ดันเคิร์ก (2017)

Dunkirk ภาพยนตร์แอ็คชั่น-ทริลเลอร์ สร้างจากเหตุการณ์การอพยพดันเคิร์กเมื่อปี 1940 หรือที่รู้จักในชื่อปฏิบัติการไดนาโม ซึ่งทหารกองทัพอังกฤษ ฝรั่งเศส และเบลเยียม ต้องอพยพทางทะเลออกจากหาดและท่าเรือดันเคิร์ก ประเทศฝรั่งเศส หลังกองทัพเยอรมนีโจมตีดันเคิร์กจนเรือใหญ่ไม่สามารถเทียบท่าได้ ท้ายที่สุดปฏิบัติการครั้งนี้สามารถรักษาชีวิตทหารฝ่ายสัมพันธมิตรได้กว่า 300,000 นาย

11. TENET : เทเน็ท (2020)

อีกหนึ่งผลงานของ คริสโตเฟอร์ โนแลน ที่มีเรื่องราวเกี่ยวข้องกับ “เวลา” เรียกได้ว่าเป็นซิกเนเจอร์ในหนังหลาย ๆ เรื่องของ โนแลน เลยก็ว่าได้ หนังจะพาคุณฝ่าทฤษฎีของกาลเวลาเพื่อความอยู่รอดของมวลมนุษยชาติ กับภารกิจของสายลับนิรนามที่ถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับองค์กรลับที่กุมความลับ และอุปกรณ์ที่เรียกว่า เทเน็ท (Tenet) ที่สามารถควบคุมกระแสเวลาทำให้เกิดการถอยกลับของเวลาได้ ซึ่งเขาต้องเดินทางทั่วโลกเพื่อค้นหาเบาะแสสำคัญที่จะหยุดยั้งเหตุการณ์ที่เชื่อว่าเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 และเผชิญหน้ากับปรากฏการณ์ประหลาดที่ทำให้วัตถุหรือสิ่งต่าง ๆ เดินทางย้อนเวลาได้ โดยเขาได้รับความช่วยเหลือจาก นีล และ แคทเทอรีน แต่เมื่อยิ่งเข้าใกล้ความจริงมากเท่าไหร่ ความเป็นจริงยิ่งเลือนราง และกาลเวลานั้นก็ค่อย ๆ สั่นคลอนความเชื่อของทุกคนไปตลอดกาล

12. Oppenheimer : ออพเพนไฮเมอร์ (2023)

ผลงานการกำกับเรื่องล่าสุดของ คริสโตเฟอร์ โนแลน ที่จะพาไปย้อนประวัติศาสตร์ของระเบิดปรมาณู กับเรื่องราวของ เจ โรเบิร์ต ออพเพนไฮเมอร์ (คิลเลียน เมอร์ฟี) นักฟิสิกส์ชาวอเมริกัน ผู้นำทีมวิจัยโครงการ แมนฮัตตัน โปรเจกต์ การสร้างอาวุธระเบิดปรมาณูที่มีพลังทำลายล้างรุนแรงในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้สำเร็จเป็นคนแรกของโลก ซึ่งกลายมาเป็นจุดเปลี่ยนของประวัติศาสตร์โลกจนถึงทุกวันนี้
เป็นอย่างไรกันบ้างกับรายชื่อหนังโนแลนที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ บอกได้เลยว่าแต่ละเรื่องนั้นกลายเป็นหนังขึ้นหิ้งไปแล้ว เอาเป็นว่าใครที่ยังไม่ได้ดูหนังเรื่องไหนสามารถไปหาชมกันได้เลย
ขอบคุณแหล่งที่มาจาก Sanook

Related Stories