Kiss Cam ในคอนเสิร์ตวง Coldplay จากวัฒนธรรมสู่ PDPA

กลายเป็นไวรัลไปชั่วข้ามคืน เมื่อภาพจาก Kiss Cam ในคอนเสิร์ตวง Coldplay จัดขึ้นที่สนามกีฬายิลเล็ตต์ เมืองบอสตัน สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นภาพของ CEO บริษัทแห่งหนึ่งกำลังกอดกับผู้หญิงคนหนึ่งพร้อมดื่มด่ำไปกับบทเพลงในคอนเสิร์ต แต่เมื่อทั้งคู่รู้ว่าตัวเองกำลังถูกจับภาพขึ้นจอ ก็รีบผละจากกันและหลบใบหน้า ทำเอานักร้องนำอย่าง คริส มาร์ติน ถึงกับออกปากแซวกลางคอนเสิร์ตว่า “หวังว่าพวกเราไม่ได้ทำอะไรพลาดไปนะ” ซึ่งคำพูดของมาร์ตินก็เป็นจริงดังคาด เมื่อภาพถูกปล่อยลง Social Media ไม่นาน ชาวเน็ตมือดีก็ขุดคุ้ยข้อมูลได้ทันทีว่า ผู้หญิงที่ CEO ท่านนั้นกำลังกอดอยู่ไม่ใช่ภรรยาของเขา แต่เป็นหัวหน้าฝ่าย HR ของบริษัทของเขาเอง และภาพที่กำลังกอดกันเคลิบเคลิ้มนั้น กลับกลายเป็นการเปิดโปงความสัมพันธ์เชิงชู้สาวของทั้งคู่ เพราะต่างฝ่ายต่างมีครอบครัวกันอยู่แล้ว จากคลิปที่ควรโรแมนติก กลายเป็นการเกมครั้งใหญ่ในทันที

วัฒนธรรมและความยินยอมที่ลดลงไปในอีเวนต์สาธารณะ

Kiss Cam

Kiss Cam หรือการเลือกสุ่มถ่ายภาพผู้ร่วมงานต่าง ๆ แล้วฉายขึ้นจอภายในการแบบ Live เป็นวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นมานานแล้ว ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มาพร้อมกับการถ่ายทอดสด เพิ่มลูกเล่นไปพร้อมกับการตัดต่อและออนแอร์ ซึ่งยิ่งเฟื่องฟูขึ้นตามระบบ Live Stream ที่รวดเร็วขึ้นในปัจจุบัน ในสมัยก่อน การตัดภาพไปจับบุคคลต่าง ๆ ในอีเวนต์มักจะเป็นบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับงานนั้น ๆ เสมอ เช่น เจ้าภาพในงานจัดเลี้ยง โค้ช หรือผู้เล่นในการแข่งขันกีฬา หรือใบหน้าของศิลปินในการแสดงรอบนั้น ๆ แต่ปัจจุบัน บุคคลทั่วไปที่เข้ามาในงานสามารถช่วยเติมบรรยากาศให้รู้สึกถึงการมีส่วนร่วม และความรู้สึกโดยรวมของงานในช่วงเวลานั้นได้มากขึ้นไปอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการออก Personal Data Protection Act ขึ้นมาในระดับสากล หรือในไทยก็มีการออก พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตามมาในปี พ.ศ. 2562 การจับภาพบุคคลต่าง ๆ ในที่สาธารณะและนำไปเผยแพร่ จะมีความผิดฐานละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลทันที หากไม่ได้รับการยินยอมจากผู้ถูกถ่าย ทำให้ในงานอีเวนต์สาธารณะมักจะแจ้งข้อกำหนดให้กับผู้ร่วมงานมากขึ้น ในการให้การยินยอมบันทึกภาพแต่เนิ่น ๆ ก่อนร่วมงาน รวมไปถึงหากมีผู้ไม่ยินยอม ก็จะให้ติดสัญลักษณ์ไว้ที่เสื้อ เพื่อให้ทีมงานหลีกเลี่ยงที่จะบันทึกภาพบุคคลเหล่านั้นแทน

การขาดความเข้าใจในเรื่อง PDPA

ตั้งแต่มี พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ออกมา นอกจากจะครอบคลุมในเรื่องการถ่ายภาพในอีเวนต์สาธารณะเพื่อนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์แล้ว ยังครอบคลุมไปถึงการโพสต์ภาพดังกล่าวบนโซเชียลมีเดียโดยไม่ปกปิดใบหน้าหรือตัวตน หรือหากปกปิดแล้ว แต่มีการใช้ข้อความเพื่อสื่อถึงการระบุตัวตนได้ โดยที่เจ้าตัวยังไม่ได้รับความยินยอม (Consent) ก็จะเข้าข่ายการมีความผิดตาม PDPA ทันที ทั้งยังพ่วงการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 อีกด้วย หากเจตนาคือการบิดเบือน กล่าวหา หรือหมิ่นประมาทบุคคลนั้น

คำถามสำคัญก็คือ การเกิดขึ้นของการคุ้มครองนี้ จะทำให้เราไม่สามารถถ่ายใครหรืออะไรได้เลยหรือไม่ ต้องระมัดระวังไปหมดหรือไม่ ซึ่งคำตอบอาจจะเป็นการกลับไปที่หลักการหลักของการคุ้มครองนี้ ที่ตั้งขึ้นเพื่อเคารพในสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่นเป็นตัวตั้ง การถ่ายภาพ บันทึกข้อมูล และเผยแพร่ ต้องตั้งอยู่บนเจตนาที่ชัดเจน ว่าเพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้โพสต์ เช่น โพสต์ภาพถ่ายในร้านอาหารที่ไปทานข้าว และติดบุคคลหนึ่งบุคคลใดมาโดยบังเอิญ หรือโพสต์เพื่อระบุตัวตน กล่าวถึงพฤติกรรมบางอย่างโดยบิดเบือนข้อมูล หรือแม้แต่นำภาพต่าง ๆ เหล่านั้นไปใช้ในเชิงพานิชย์ ค้ากำไรให้กับธุรกิจของตัวเอง โดยผู้ที่ถูกถ่ายติดมาไม่ได้รับการยินยอมก็จะถือว่าผิดทั้งหมด แม้ว่าการถ่ายนั้นจะกระทำในนามความถูกต้อง เช่น ต้องการแฉพฤติกรรมที่ไม่ดีของคนคนหนึ่งมาประจานให้ชาวโซเชียลได้รับรู้ แต่การกระทำนั้นก็ถือเป็นคนละส่วนกัน ผู้กระทำผิดก็ส่วนหนึ่ง การถ่ายเขานำมาแฉก็ถือเป็นความผิดอีกส่วนหนึ่งเช่นกัน

ขอบเขตของ Meme ที่กระทำต่อบุคคลทั่วไป

Kiss Cam

กระแส Meme ถูกนำมาเล่นต่อกันบนโซเชียลมีเดีย สร้างเสียงหัวเราะขำขันกันในหลากหลายภาษา ทว่าตัว CEO และชู้สาวของเขาอาจจะไม่ขำด้วย จนต้องออกแถลงการณ์ขอโทษและแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก ทั้งยังมีความเป็นไปได้มากว่าเขาสามารถถูกฟ้องชู้และเสียเงินเป็นจำนวนมากจากการฟ้องร้องหลังจากนี้ได้เลย ปรากฏการณ์ที่ขำขื่นนี้มีสิ่งที่คาบเกี่ยวกันระหว่างวัฒนธรรม Kiss Cam การสร้าง Meme และการละเมิด PDPA

หากนำข้อกำหนดต่าง ๆ ของ PDPA มาพิจารณาตามเหตุการณ์ของ CEO ท่านนี้ที่เกิดขึ้น อาจจะพอแยกกรณีต่าง ๆ ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ว่า การที่ CEO ท่านนั้นและฝ่ายหญิงต่างฝ่ายต่างเป็นชู้ ก็ให้ถือเป็นความผิดในเรื่องส่วนตัว แต่ทันทีที่ทั้งคู่ตัดสินใจเข้าร่วมคอนเสิร์ต ซึ่งเป็นพื้นที่จัดงานที่มีการถ่าย VDO เชิงพาณิชย์ ทั้งคู่ได้รับทราบข้อกำหนดของการยินยอมให้บันทึกภาพหรือไม่ หากไม่มีรายละเอียดการยินยอมให้ถ่ายภาพ ผู้จัดงานที่ได้กระทำการ Kiss Cam ก็ถือว่ามีความผิดพอที่จะฟ้องร้องได้ โดยเมื่อเรื่องแดงขึ้นมาแล้ว การที่ผู้ร่วมคอนเสิร์ตต่างนำรูปไปปล่อยต่อจนกลายเป็น Meme บนโซเชียลมีเดีย หากผู้ถูกถ่ายไม่ยินยอมก็สามารถเอาผิดได้เช่นกัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ใช้โซเชียลที่ตามขุดข้อมูลเรื่องที่ทำงานมาประกาศ ถือว่าผิดเต็ม ๆ เพราะเป็นข้อมูลส่วนตัว และทำให้กระทบความสัมพันธ์ส่วนตัวนั่นเอง ยิ่งไปกว่านั้น เพจต่าง ๆ ที่ทำงานเชิงพาณิชย์ ได้นำภาพและเรื่องชู้ไปทำคอนเทนต์ ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลส่วนตัวก็มีความผิดในการละเมิด PDPA ได้ทั้งหมดเช่นกัน

ขอบคุณแหล่งที่มาจาก sumupth

Related Stories